Checklist สิ่งที่ hr ต้องทำให้เสร็จก่อนสิ้นปี 2567

การเตรียมตัวในช่วงสิ้นปี เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทีมทรัพยากรบุคคล (HR) ควรดำเนินการเพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในปีถัดไป วันนี้ HumanOS ขอแชร์บทความจาก HR-ODTHAI เพื่อส่งต่อเช็คลิตส์ให้เหล่าเจ้าหน้าที่ HR ได้เตรียวตัวก่อนสิ้นปีที่กำลังจะมาถึงนี้ค่ะ

ประกาศวันหยุดประจำปี 2568

วันหยุดประจำสัปดาห์

ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

  • มาตรา 28 ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่าหนึ่งวัน โดยวันหยุดประจำสัปดาห์ต้องมีระยะห่างกันไม่เกินหกวัน นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้ากำหนดให้มีวันหยุดประจำสัปดาห์วันใดก็ได้
  • ในกรณีที่ลูกจ้างทำงานโรงแรม งานขนส่ง งานในป้า งานในที่ทุรกันดารหรืองานอื่นตามที่กำหนดในกฏกระทรวง นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าสะสมวันหยุดประจำสัปดาห์และเลื่อนไปหยุดเมื่อใดก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะเวลาสี่สัปดาห์ติดต่อกัน
  • วันหยุดประจำสัปดาห์ เป็นอำนาจของนายจ้างในการที่จะกำหนดวันหยุดประจำสัปดาห์วันไหนก็ได้ โดยนายจ้างอาจจะกำหนดวันหยุดประจำสัปดาห์ให้ลูกจ้างสลับกันหยุดในวันใดก็ได้ โดยกฎหมายคุ้มครองแรงงาน กำหนดหลักเกณฑ์เรื่องวันหยุดประจำสัปดาห์เอาไว้ดังนี้
  1. นายจ้าง ต้องจัดวันหยุดประจำสัปดาห์ให้ลูกจ้าง ไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 1 วัน โดยกำหนดวันใดก็ได้ และลูกจ้างแต่ละคน อาจมีวันหยุดประจำสัปดาห์ในวันที่แตกต่างกันก็ได้ ซึ่งหมายถึงทำงานได้สูงสุดไม่เกิน 6 วัน จะต้องมีวันหยุดประจำสัปดาห์ 1 วัน
  2. วันหยุดประจำสัปดาห์ ต้องมีระยะห่างกันไม่เกิน 6 วัน
  3. งานบางลักษณะที่ไม่สามารถหยุดประจำสัปดาห์ได้ นายจ้าง และลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าสะสม และเลื่อนวันหยุดประจำสัปดาห์ออกไปได้ แต่ห้ามเลื่อนออกไปเกิน 4 สัปดาห์ติดต่อกัน
วันหยุดตามประเพณี
  • มาตรา 29 ให้นายจ้างประกาศกำหนดวันหยุดตามประ เพณีให้ลูกจ้างทราบเป็นการล่วงหน้าปีหนึ่งไม่น้อยกว่าสิบสามวันโดยรวมวันแรงงานแห่งชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
  • ให้นายจ้างพิจารณากำหนดวันหยุดตามประเพณีจากวันหยุดราชการประจำปี วันหยุดทางศาสนา หรือขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งท้องถิ่น
  • ในกรณีที่วันหยุดตามประเพณีวันใดตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ของลูกจ้างให้ลูกจ้างได้หยุดชดเชยวันหยุดตามประเพณีในวันทำงานถัดไป
  • ในกรณีที่นายจ้างไม่อาจให้ลูกจ้างหยุดตามประเพณีได้ เนื่องจากลูกจ้างทำงานที่มีลักษณะหรือสภาพของงานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้นายจ้างตกลงกับลูกจ้างว่าจะหยุดในวันอื่นชดเชยวันหยุดตามประเพณีหรือนายจ้างจะจ่ายค่าทำงานในวันหยุดให้ก็ได้
  • วันหยุดตามประเพณี กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กำหนดขึ้นเพื่อให้ลูกจ้างได้มีโอกาสหยุดในวันสำคัญทางศาสนาหรือขนบธรรมเนียมประเพณี ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวันดังกล่าว โดยนายจ้างไม่สามารถกำหนดวันหยุดตามประเพณีตามอำเภอใจได้ โดยกฎหมายฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์เรื่องวันหยุดตามประเพณีไว้ดังนี้
  1. นายจ้างต้องประกาศกำหนดวันหยุดตามประเพณีให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี
  2. จำนวนวันหยุดตามประเพณีในแต่ละปีต้องไม่น้อยกว่าปีละ 13 วัน
  3. การกำหนดวันหยุดตามประเพณีนั้นให้รวมวันแรงงานแห่งชาติเอาไว้ด้วย และให้กำหนดจากวันหยุดราชการประจำปี วันหยุดทางศาสนาหรือขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งท้องถิ่น
  4. ถ้าวันหยุดตามประเพณีที่กำหนดตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ของลูกจ้างให้ลูกจ้างได้หยุดชดเชยในวันทำงานถัดไป
  5. ในกรณีที่นายจ้างไม่อาจให้ลูกจ้างหยุดตามประเพณีได้เนื่องจากลูกจ้างทำงานที่มีลักษณะหรือสภาพของงานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง” นายจ้างกับลูกจ้างสามารถตกลงกันได้ดังนี้
    5.1 หยุดชดเชยในวันอื่น หรือ
    5.2 ให้นายจ้างจ่ายค่าทำงานในวันหยุดให้
วันหยุดพักผ่อนประจำปี
  • มาตรา 30 ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันมาแล้วครบหนึ่งปีมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่าหกวันทำงานโดยให้นายจ้างเป็นผู้กำหนดวันหยุดดังกล่าว ให้แก่ลูกจ้างล่วงหน้าหรือกำหนดให้ตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน
  • ในปีต่อมานายจ้างอาจกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้างมากกว่าหกวันทำงานก็ได้
  • นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าให้สะสมและเลื่อนวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ยังมิได้หยุดในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อๆ ไปได้
  • สำหรับลูกจ้างซึ่งทำงานยังไม่ครบหนึ่งปี นายจ้างอาจกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้างโดยคำนวณให้ตามส่วนก็ได้
  • การทำงานของลูกจ้างนั้นจะต้องมีการหยุดพัก ทั้งนี้เพื่อมิให้ลูกจ้างต้องตรากตรำในการทำงานด้วยเหตุนี้กฎหมายคุ้มครองแรงาน จึงบัญญัติในเรื่องของวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้กับลูกจ้างเอาไว้ โดยนายจ้างเป็นผู้กำหนดหรือตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน โดยกฎหมาย ฯ กำหนดหลักเกณฑ์เรื่อง วันหยุดพักผ่อนประจำปีไว้ดังนี้
  1. ลูกจ้างมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีในปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 6 วันทำงาน
  2. การเกิดสิทธิของลูกจ้างจะเกิดขึ้นเมื่อลูกจ้างทำงานกับนายจ้างครบ 1 ปีแรกแล้ว
  3. วันหยุดพักผ่อนประจำปีนายจ้างเป็นผู้กำหนดให้ลูกจ้างล่วงหน้าหรืออาจจะกำหนดให้ตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน
  4. วันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมนั้น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน ไม่ได้บังคับว่นายจ้างจะต้องกำหนดให้กับลูกจ้าง ซึ่งนายจ้างบางรายอาจไม่ได้มีการกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้กับลูกจ้างก็ได้ แต่ประเด็นที่สำคัญคือการสะสมและเลื่อนวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ยังไม่ได้หยุดในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปนั้นจะสะสมได้เฉพาะในกรณีของวันหยุดพักผ่อนประจำปีในส่วนที่เกินจาก 6 วัน และนายจ้างตกลงกับลูกจ้างให้สามารถนำวันหยุดฯ ในส่วนที่เกิน 6 วัน นำไปสะสมในปีถัดไปได้
  5. ในกรณีที่มีการกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้กับลูกจ้างมากกว่า 6 วันต่อปี แต่นายจ้างและลูกจ้างมีการกำหนดตกลงกันให้มีการสะสมวันหยุดฯ ในส่วนที่เกิน 6 วันก็ได้
  6. สำหรับลูกจ้างที่ทำงานกับนายจ้างยังไม่ครบ 1 ปีแรก นายจ้างอาจกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้กับลูกจ้างได้ โดยใช้วิธีการคำนณตามสัดส่วน ซึ่งบทบัญญัติมาตรานี้ เป็นการแก้ปัญหาในเรื่องของการกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้กับลูกจ้างแต่ละคน เหตุผลเนื่องจากลูกจ้างแต่ละคนเข้างานไม่พร้อมกัน และจะมีอายุงานครบ 1 ปี และกิดสิทธิวันหยุดพักผ่อนประจำปี ไม่พร้อมกัน ประกอบกับ

กฎหมายฯกำหนดสิทธิการได้วันหยุดพักผ่อนประจำปีจะเกิดขึ้น ครั้งแรกต่อเมื่อลูกจ้างทำงานครบ 1 ปีด้วยเหตุนี้กฎหมาย ฯ จึงกำหนดให้ลูกจ้าง ซึ่งทำงานยังไม่ครบหนึ่งปี นายจ้างอาจกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้างโดยคำนวณให้กับลูกจ้างตามสัดส่วนได้

ประกาศกฎระเบียบประจำปี 2568

สวัสดิการแรงงานเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตของลูกจ้างรวมถึงครอบครัวดีขึ้นความเอื้ออาทรของนายจ้างโดยการจัดสวัสดิการแรงงานให้แก่ลูกจ้าง ย่อมทำให้ลูกจ้างมีความรัก ความผูกพันต่อนายจ้าง ทำให้ลูกจ้างเกิดขวัญและกำลังใจในการทำงานซึ่งทำให้ผลผลิตของลูกจ้างมีปริมาณสูงขึ้น และคุณภาพสูงขึ้นในขณะเดียวกันการจัดสวัสดิการแรงงานให้แก่ลูกจ้างยังช่วยเสริมสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้างช่วยลดปัญหาและข้อขัดแย้งในสถานประกอบกิจการทำให้การประกอบกิจการของนายจ้างดำเนินไปอย่างราบรื่น

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ปฏิบัติภารกิจด้านสวัสดิการแรงงาน โดยการส่งเสริม ให้มีการจัดสวัสดิการขึ้นในสถานประกอบกิจการ โดยเห็นว่าการที่ลูกจ้างได้รับสวัสดิการที่ดี นอกจากทำให้ลูกจ้าง เกิดขวัญและกำลังใจที่ดีแล้ว ยังส่งผลให้ลูกจ้างลดการขาดงาน ลางานและเปลี่ยนงานบ่อย ในที่สุดจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานและผลิตภาพใน การทำงาน ภายใต้กรอบภารกิจดังกล่าว สวัสดิการแรงงานได้ถูกจัดแบ่งออกเป็น2 ประเภท คือ

  1. สวัสดิการแรงงานตามกฎหมาย
  2. สวัสดิการแรงงานนอกเหนือกฎหมาย

จัดทำ ACTION PLAN HR ปี 2568

Action Plan หรือ แผนการดำเนินการของทีมทรัพยากรบุคคล (HR) เป็นเอกสารที่ระบุกิจกรรมและวิธีการที่ทีม HR จะดำเนินการเพื่อปรับปรุงความประสบความสำเร็จในงาน และสนับสนุนวัตถุประสงค์ขององค์กร ขั้นตอนที่สามารถนำมาสร้าง Action Plan ของทีม HR ยกตัวอย่างเช่น

  1. วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน
    – ทำการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันของทีม HR
    – ระบุพื้นที่ที่ต้องการปรับปรุงและโอกาสที่สามารถให้ความสำคัญ
  2. กำหนดวัตถุประสงค์
    – กำหนดวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ Action Plan ทำให้เกิดขึ้น
    – ระบุผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการดำเนินการ
  3. กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัด
    – กำหนดเป้าหมายที่ทีม HR ต้องการบรรลุ
    – ระบุตัวชี้วัดที่ใช้วัดความสำเร็จของแต่ละกิจกรรม
  4. ระบุกิจกรรมและการดำเนินการ
    – ระบุกิจกรรมที่จะทำเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
    – ระบุขั้นตอนการดำเนินการและผู้รับผิดชอบ
  5. กำหนดระยะเวลา
    – กำหนดระยะเวลาที่จะทำให้แต่ละกิจกรรม.
    – ระบุกำหนดการที่มีความเป็นไปได้
  6. ระบุทรัพยากรที่ต้องใช้
    – ระบุทรัพยากรที่ต้องใช้ในการดำเนินการแต่ละกิจกรรม
    – พิจารณาการจัดหาทรัพยากรเพิ่มเติมที่จะต้องใช้
  7. วางแผนการสื่อสาร
    – วางแผนการสื่อสารกับทีมและส่วนหนึ่งในองค์กร
    – ระบุช่องทางการสื่อสารและเนื้อหาที่สื่อถึง
  8. ระบุกลยุทธ์การจัดการ
    – ระบุกลยุทธ์ที่จะใช้ในการดำเนินการ
    – พิจารณาเทคโนโลยีและเครื่องมือที่สามารถใช้เพิ่มประสิทธิภาพ.
  9. วางแผนการติดตามและประเมินผล
    – วางแผนการติดตามความก้าวหน้าของแผนการ
    – ระบุวิธีการประเมินผลและปรับปรุงตามไป
  10. รายงานและสรุป
    – วางแผนการรายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินการ
    – สรุปและจดบันทึกเรียนรู้เพื่อนำไปปรับปรุงใน Action Plan ครั้งถัดไป

การสร้าง Action Plan นี้จะช่วยให้ทีม HR มีแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพเพื่อให้ทำภารกิจของทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพและมีผลสัมฤทธิ์ต่อองค์กร

จัดทำ TRAINING NEED 2568

การจัดทำ Training Needs Analysis (TNA) หรือการประเมินความต้องการในการฝึกอบรม (Training Needs) เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ทีมทรัพยากรบุคคล (HR) หรือผู้ดูแลการบริหารทรัพยากรบุคคลในองค์กรเข้าใจความต้องการของพนักงานในการพัฒนาทักษะและความรู้ที่จำเป็น

จัดทำ BUDGET PLAN ปี 2568

การจัดทำ Budget Plan หรือ แผนงบประมาณเป็นกระบวนการที่สำคัญในการวางแผนและบริหารการเงินขององค์กรหรือโครงการ. ด้วยการสร้างแผนงบประมาณอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ, องค์กรสามารถจัดทำการเงินให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และความต้องการทางธุรกิจ

ที่มา : https://xn--12cga7eqwzadid1a3f1a4cs6gn9syd.com/checklist-for-hr/

Recently Post

ภาษีจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ต้องจ่ายหรือไม่เมื่อออกจากงาน ?

ภาษีจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ต้องจ่ายหรือไม่เมื่อออกจากงาน ?

กองทุนสำรองสำรองเลี้ยงชีพ คือกองทุนที่ลูกจ้างและนายจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้นด้วยความสมัครใจ...

อ่านเพิ่มเติม
เเค่เเจ้งสิทธิลดหย่อนภาษี ก็มีเพิ่มเงินในกระเป๋าทุกเดือน!

เเค่เเจ้งสิทธิลดหย่อนภาษี ก็มีเพิ่มเงินในกระเป๋าทุกเดือน!

มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ คงเคยคิดกันใช่มั้ยว่า จะทำยังไงให้เงินที่หามาโดนหักภาษีน้อยลงอีกนิดหน่อย?...

อ่านเพิ่มเติม