เงินชดเชย ที่ลูกจ้างต้องได้รับ ไม่ว่าเป็นการถูกเลิกจ้าง หมดสัญญาจ้างหรือเกษียณอายุ ในแต่ละรูปแบบนั้น จะได้รับเงินชดเชยที่อัตราส่วนที่แตกต่างกัน รวมทั้งเงื่อนไขของการเสียภาษีที่ไม่เหมือนกัน วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบเรื่องนี้กัน
วิธีคำนวนเงินชดเชยเมื่อออกจากงาน
สำหรับเงินชดเชยในที่นี้ เราจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ เงินชดเชยจากการถูกเลิกจ้าง และเงินชดเชยกรณีเกษียณอายุหรือหมดสัญญาจ้าง
1. เงินชดเชยจาก กรณีถูกเลิกจ้าง
การถูกเลิกจ้างเป็นเรื่องเจ็บปวดเพราะคงไม่มีใครอยากถูกให้ออกจากงานโดยไม่ทันตั้งตัว แต่หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝันนี้ขึ้น ก็อย่าเพิ่งตระหนกตกใจไปเสียก่อนเพราะอย่างน้อยสิ่งที่ลูกจ้างจะได้รับ คือ เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งยิ่งอายุงานนานเท่าไหร่ ก็จะได้รับเงินชดเชยที่สูงตามไปด้วย ดังนี้
อายุงาน | เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน |
ไม่ถึง 120 วัน | ไม่ได้รับเงินชดเชย |
ไม่ถึง 1 ปี | 1 เดือน (30 วัน) |
1 ปี แต่ไม่ถึง 3 ปี | 3 เดือน (90 วัน) |
3 ปี แต่ไม่ถึง 6 ปี | 6 เดือน (180 วัน) |
6 ปี แต่ไม่ถึง 10 ปี | 8 เดือน (240 วัน) |
10 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี | 10 เดือน (300 วัน) |
20 ปีขึ้นไป | 13 ½ เดือน (400 วัน) |
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ลูกจ้างลาออกเองโดยสมัครใจหรือทำผิดวินัยบริษัทอย่างร้ายแรงจนทำให้ถูกไล่ออก เช่น ขโมยทรัพย์สินบริษัท หรือนำความลับของบริษัทไปเปิดเผยให้แก่บริษัทคู่แข่ง ฯลฯ ลูกจ้างจะไม่สามารถเรียกร้องขอรับเงินชดเชยจากนายจ้างได้ในทุกกรณี
ตัวอย่างการคำนวณเงินชดเชย กรณีถูกเลิกจ้าง
นายสันติ อายุ 45 ปี ทำงานครบ 10 ปี ได้รับเงินเดือน เดือนสุดท้าย 70,000 บาท เนื่องจากทำงานติดต่อกันครบ 10 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี จำนวนวันที่ได้รับชดเชย = 300 วัน จำนวนเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน คือ เงินเดือนสุดท้าย/30 วัน x จำนวนวันที่ได้รับชดเชย (70,000/ 30) x 300 = 700,000 บาท
2. เงินชดเชยกรณีเกษียณอายุหรือหมดสัญญาจ้าง
สำหรับลูกจ้างที่ทำงานจนเกษียณอายุ (ส่วนใหญ่จะอยู่ที่อายุ 55-60 ปี ขึ้นอยู่กับบริษัท) นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายชดเชยกรณีเกษียณอายุหรือเงินก้อนที่จ่ายให้ครั้งเดียวแก่ลูกจ้างเพราะถือว่าหมดสัญญาจ้างแล้ว โดยเงินก้อนส่วนนี้จะต้องเสียภาษีตามกฎหมาย
ตัวอย่างการคำนวณเงินชดเชยกรณีเกษียณอายุหรือหมดสัญญาจ้าง
นายสมศักดิ์ ทำงานเป็นเวลา 15 ปี และเกษียณอายุเมื่ออายุ 60 ปี เงินเดือนสุดท้ายคงที่ที่ได้รับ 100,000 บาท/เดือน จำนวนเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานคือ เงินเดือนสุดท้าย x อายุงาน = 100,000 x 15 = 1,500,000 บาท
ทั้งนี้ นอกจากเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานที่คำนวนมาข้างต้นแล้ว เพื่อตอบแทนลูกจ้างหรือจูงใจให้ลูกจ้างออกจากงาน นายจ้างบางรายอาจให้เงินชดเชยแก่ลูกจ้างเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่กฏหมายกำหนดก็ได้
สิทธิยกเว้นภาษีจากเงินได้ชดเชยเมื่อออกจากงาน
สำหรับเงินชดเชยข้างต้นนั้นจะต้องเสียภาษีตามกฎหมาย แต่เฉพาะกรณีของเงินชดเชยจากการถูกเลิกจ้างเท่านั้น จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีจากรายได้ที่เกิดจากเงินชดเชยไม่เกิน 600,000 บาท (จากเดิมคือ 300,000 บาท แต่ปรับเพิ่มเป็น 600,000 บาทนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566) โดยยกเว้นเฉพาะส่วนเงินชดเชยที่ไม่เกินค่าจ้าง 400 วัน เท่านั้น)
ตัวอย่างการได้สิทธิยกเว้นภาษี
ตัวอย่างที่ 1 นายสมศักดิ์ ได้รับเงินชดเชยตามกฏหมาย 700,000 บาท จะได้สิทธิยกเว้น 600,000 บาท จึงเหลือรายได้ที่นำไปคำนวนภาษี 100,000 บาท
ตัวอย่างที่ 2 นายสมชาย ได้รับเงินชดเชยตามกฏหมาย 400,000 บาท แต่บริษัทให้เพิ่มเติมนอกเหนือจากกฏหมายอีก 200,000 ดังนั้นจะได้สิทธิยกเว้นเพียง 400,000 บาท จึงเหลือรายได้ที่นำไปคำนวนภาษี 200,000 บาท
ตัวอย่างที่ 3 นางสมพร ได้รับเงินชดเชยตามกฏหมาย 500,000 บาท จะได้สิทธิยกเว้น 500,000 บาท จึงไม่ต้องนำรายได้ส่วนนี้ไปคำนวนภาษี
ส่วนกรณีของเงินชดเชยจากการเกษียณอายุ จะไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี ต้องนำรายได้จากเงินชดเชยไปคำนวนภาษีเต็มจำนวน
การคำนวนภาษี จากรายได้ที่เกิดจากเงินชดเชยเมื่อออกจากงาน
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีเงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วย ก็ให้นำรายได้ดังกล่าวมารวมแล้วจึงนำไปคำนวนภาษีต่อไป ซึ่งวิธีคำนวนภาษีจากรายได้ที่เกิดจากเงินชดเชยเมื่อออกจากงานนั้น ให้นำรายได้หลังจากหักสิทธิยกเว้นภาษีตามข้อ 2 แล้วไปคิดภาษี โดยจะมีวิธีคำนวนที่แตกต่างกันระหว่างผู้ที่มีอายุงานน้อยกว่า 5 ปี และตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยการนับอายุงานว่าครบ 5 ปีหรือไม่ มีวิธีคิดดังนี้
หากทำงานครบ 5 ปี การนับอายุงานจะนับเป็นจำนวนเต็มปี โดยปัดเศษของอายุงานส่วนเกินตั้งแต่ 183 วัน ให้ถือเป็น 1 ปี เช่น
- อายุงาน 5 ปี 184 วัน จะถือว่าอายุงานครบ 6 ปี
- อายุงาน 5 ปี 183 วัน จะถือว่าอายุงานครบ 6 ปี
- อายุงาน 5 ปี 182 วัน จะถือว่าอายุงานครบ 5 ปี
- อายุงาน 4 ปี 183 วัน จะยังไม่ถือว่าอายุงานครบ 5 ปี
เงื่อนไขการเลือกวิธีคำนวนภาษี
อายุงาน | กรณีถูกเลิกจ้าง | กรณีเกษียณฯ |
น้อยกว่า 5 ปี | หักสิทธิยกเว้นภาษีตามข้อ 2 แล้ว นำไปคิดรวมกับ 40(1) | นำไปคิดรวมกับ 40(1) |
ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป | หักสิทธิยกเว้นภาษีตามข้อ 2 แล้ว เลือกว่าจะคิดรวมกับ 40(1) หรือไปคิดแยกเป็น 40(1)(2) | เลือกว่าจะคิดรวมกับ 40(1) หรือไปคิดแยกเป็น 40(1)(2) |
การนำไปคิดรวมกับ 40(1) หมายถึงนำรายได้จากเงินชดเชยไปรวมกับรายได้จากการทำงานปกติเช่น เงินเดือน ค่าจ้าง แล้วนำรายได้รวมดังกล่าวไปคำนวนภาษีตาม ภงด.91
การไปคิดแยกเป็น 40(1)(2) หมายถึง การแยกคำนวณภาษี โดยใช้แบบฟอร์ม “ใบแนบ ภ.ง.ด.90,91 กรณีคำนวณเงินได้ที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานเฉพาะที่เลือกเสียภาษีโดยไม่นำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่น” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า การคำนวนแบบใบแนบ ซึ่งจะมีข้อดีช่วยให้ลูกจ้างเสียภาษีถูกกว่าการนำไปคำนวณภาษีรวมกับรายได้อื่นๆ
วิธีคำนวณภาษี แบบใบแนบ
การคำนวณภาษีแบบใบแนบ จะนำรายได้หลังจากหักสิทธิยกเว้นมาภาษี มาหักค่าใช้จ่ายของเงินได้ออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ส่วนแรกคือ 7,000 คูณด้วยอายุงานเป็นปี และส่วนที่สอง คือ 50% ของเงินได้ที่เหลือจากหลังหักค่าใช้จ่ายส่วนแรกแล้ว จึงนำเงินได้สุทธินั้นไปคิดภาษี
อย่างไรก็ตาม การเสียภาษีเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย ลูกจ้างจะต้องกรอกจำนวนเงินชดเชยและจำนวนภาษีที่ถูกหักเองตอนคำนวณเงินเดือน หรือหากมีข้อสงสัย ก็สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่สรรพากรในพื้นที่ใกล้บ้านได้เช่นกัน
ที่มา