เป็นเรื่องจริงที่การทำสัญญาจ้างทั่วไปหรือสัญญาที่ไม่ได้กำหนดเวลายกเลิก มักให้ความรู้สึกมั่นคงมากกว่าสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน (Contract) แต่สำหรับยุคนี้ การทำสัญญาจ้างแบบมี Contract อาจทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะมีความยืดหยุ่นสูงกว่า ไม่มีภาระผูกพันระยะยาว และหากทำแล้วไม่ใช่ ก็ลาออกได้โดยไม่มีอะไรผูกมัดกัน
สัญญาจ้างแบบรายปี ดีอย่างไร ?
สัญญาจ้างแบบมี Contract คือสัญญาจ้างที่มีการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการทำงานไว้อย่างชัดเจน เช่น ทำงาน 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 2 ปี หรือจนกว่างานจะเสร็จสมบูรณ์ สัญญาจ้างงานประเภทนี้มีให้เห็นบ่อย ๆ ในหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเอกชนหรือราชการ และถึงแม้ว่าลูกจ้างที่ทำสัญญาจ้างประเภทนี้ (ลูกจ้างชั่วคราว) จะไม่มีสวัสดิการเท่ากับพนักงานประจำ แต่กลับให้ความรู้สึกอิสระ ไม่มีอะไรผูกมัด รวมไปถึงในบางองค์กร ภาระงานอาจจะน้อยกว่า และไม่ได้ถูกคาดหวังเท่ากับลูกจ้างประจำ ที่สำคัญเมื่อครบกำหนดระยะเวลาทำงาน ทั้งลูกจ้างและนายจ้างสามารถตัดสินใจได้ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ดี
ในส่วนของนายจ้าง การทำสัญญาจ้างแบบมี Contract นั้น มักได้เปรียบในแง่ที่ว่าสามารถจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะเฉพาะด้านเพื่อให้ตรงความต้องการของโครงการ อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทสามารถปรับขนาดทีมได้ตามความต้องการ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัทเนื่องจากไม่ต้องรับผิดชอบสวัสดิการบางอย่างเท่ากับพนักงานประจำ รวมทั้งเมื่อถึงเวลาประเมินผลปฏิบัติงาน นายจ้างยังมีโอกาสตัดสินใจที่จะต่อสัญญาหรือสิ้นสุดเวลาตามสัญญาจ้าง โดยไม่ต้องกังวลว่าจะผิดกฎหมายแรงงาน
เป็นลูกจ้างชั่วคราว ก็ดีนะ !
สำหรับลูกจ้างที่เป็นสัญญาจ้างแบบ Contract หากมองในแง่ดีจะพบว่า คุณสามารถวางแผนอนาคตได้อย่างชัดเจนเมื่อสิ้นสุดสัญญาจ้าง และหากทำงานดี เผลอๆ ก็อาจจะได้รับการพิจารณาให้ต่อสัญญา ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น คุณสามารถตัดสินใจได้อีกครั้งว่าจะอยู่ต่อหรือไปดี เพราะฉะนั้น การเป็นลูกจ้างชั่วคราว จึงไม่ได้หมายถึง ความไม่มั่นคงเสมอไป เพราะสุดท้ายแล้ว คุณคือผู้เลือก!
อย่างไรก็ตาม การทำสัญญาจ้างแบบมี Contract ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งมักจะได้ค่าตอบแทนที่สูง อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะเติบโตในสายอาชีพได้ไกลและเร็วอีกด้วย เพราะคุณสามารถไปต่อกับสายงานที่เชี่ยวชาญได้เลย โดยไม่ต้องลังเลใจหรือปักหลักอยู่กับองค์กรเดิมเป็นเวลาหลายปี
ลูกจ้างชั่วคราว ลาออกก่อนครบสัญญา ได้หรือไม่ ?
แล้วในกรณีที่ลูกจ้างชั่วคราวทำงานไปแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่หรือหากได้งานใหม่ก่อนครบสัญญาจ้าง จะลาออกก่อนได้ไหม ? คำตอบคือ ได้! ลูกจ้างสามารถลาออกก่อนได้ หากในสัญญาจ้างกำหนดไว้ว่า นายจ้างหรือลูกจ้างมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้ไม่น้อยกว่า 30 วันหรือ 1 เดือน แต่ถ้าในสัญญาจ้างไม่ได้ระบุให้นายจ้างหรือลูกจ้างมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาก่อน และถ้าลูกจ้างต้องการออกก่อน ก็สามารถลาออกได้ แต่ก็มีสิทธิ์ที่จะถูกนายจ้างฟ้องร้องเรียกความเสียหาย เพราะทางบริษัทจะต้องหาคนมาทำงานแทน
อย่างไรก็ตาม หากในสัญญาระบุว่า ถ้ายกเลิกสัญญาก่อนต้องเสียค่าปรับ ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา 7620/2559 การที่สัญญามีระบุไว้ในเงื่อนไขห้ามลาออกก่อนสัญญา ศาลบอกว่าเบี้ยปรับ เมื่อลูกจ้างไม่ชำระหนี้ เมื่อฟ้องร้องแล้วศาลเห็นว่าเบี้ยปรับนี้สูงเกินไป เช่น ลูกจ้างเงินเดือน ๆ ละ 20,000 บาท เมื่อต้องการลาออกก่อนสัญญา นายจ้างฟ้องร้องค่าปรับ 50,000 บาท ในกรณีเช่นนี้ศาลมีอำนาจดุลยพินิจปรับลดลงได้
สิ้นสุดสัญญาจ้าง แล้วนายจ้างไม่ต่อสัญญา ต้องจ่ายค่าชดเชยไหม ?
หากเข้าข่าย 3 ลักษณะงานต่อไปนี้ ลูกจ้างจะไม่ได้รับค่าชดเชยเมื่อสิ้นสุดสัญญาจ้างได้แก่ 1.งานโครงการเฉพาะที่ไม่ใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้าของนายจ้าง เช่น งานค้นคว้า งานวิจัย 2.งานที่มีลักษณะเป็นครั้งคราว มีกำหนดการสิ้นสุดที่ชัดเจนหรือความสำเร็จของงาน เช่น งานช่างปูน งานช่างไม้ และ 3.งานที่เป็นไปตามฤดูกาลและได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น ซึ่งงานนั้นจะต้องแล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 2 ปีโดยนายจ้างและลูกจ้างได้ทำสัญญาเป็นหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มจ้าง
ดังนั้น ในกรณีที่ลูกจ้างทำงานในกิจการอันเป็นปกติของบริษัท โดยมีการเซ็นสัญญาไม่ว่าจะ 1 หรือ 2 ปี เมื่อครบกำหนดสัญญาจ้างแล้ว และนายจ้างไม่ต่อสัญญา ถือเป็นการเลิกจ้าง ซึ่งลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยตามมาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ส่วนกรณีที่เลิกจ้างก่อนหมดสัญญา นายจ้างจะต้องจ่ายค่าตกใจนับจากวันเลิกจ้างเป็นระยะเวลา 1 เดือนหรือ 30 วัน
ที่มา : legalclinic, คลีนิคกฏหมายแรงงาน และ Libray legal