แทบจะไม่มีองค์กรไหนเลยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ การไม่ได้เตรียมรับกับความเปลี่ยนแปลงและโดน disrupt เสียเองนับว่าเป็นฝันร้ายของบริษัทผู้สร้างนวัตกรรมทั้งสิ้น บริษัทจะก้าวสู่อนาคตไม่ได้เลยหากไม่ได้พัฒนา และการที่จะก้าวไปได้ไกลนั้นไม่ใช่เพราะองค์กรนั้นมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุด แต่เป็นเพราะการมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่เปิดรับต่อการเปลี่ยนแปลงและสามารถนำคนในทีมให้เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ Techsauce ได้แนะนำ Leading Innovation Workshop คอร์สสู่การสร้างผู้นำด้านนวัตกรรม โปรแกรมช่วยพัฒนาทักษะและส่งเสริมความป็นผู้นำนวัตกรรม สามารถผลักดันคนในองค์กรให้มีความพร้อมในการทำงาน เสมือนเป็นผู้ประกอบการให้กับบริษัทของตน การจัดเตรียมและผลักดันให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้คนในองค์กรกล้าที่จะเสนอไอเดีย เสนอตัวรับผิดชอบ รับความเสี่ยงและสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่ผลกำไรของบริษัทในบั้นปลายอย่างยั่งยืน โดยโปรแกรมนี้ได้เน้นทั้งหลักการ แนวปฏิบัติและเครื่องมือที่ผู้นำควรรู้ และยังแนะนำการใช้เครื่องมือ CO-STAR ในการสร้างคุณค่าแก่ผลิตภัณฑ์และบริการ (Value Proposition) โดยมีการพัฒนาเนื้อหาและกิจกรรมในโปรแกรมนี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ แนวโน้มธุรกิจ และบริบทเฉพาะของประเทศไทยอีกด้วย
โดยโปรแกรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย หรือ TMA (Thailand Management Association) ศูนย์รวมผู้บริหาร ผู้ประกอบการ นักธุรกิจและนักวิชาการจากหลากหลายสาขา เป็นผู้เชิญวิทยากรเข้ามาให้ข้อมูล แบ่งปันประสบการณ์และแนวคิดให้กับผู้บริหารองค์กรธุรกิจในประเทศไทย
ในครั้งนี้ Techsauce ได้มีโอกาสเข้าร่วม Workshop ที่นำโดย Laszlo Gyorffy ประธานของ Enterprise Development Group จากซิลิคอนวัลเลย์ สหรัฐอเมริกา โดย Laszlo มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในการให้คำปรึกษาและพัฒนาองค์กรในระดับโลก

สรุปองค์ความรู้สำคัญจาก Workshop
Innovation concepts and practices – หลักการและแนวปฎิบัติด้านนวัตกรรมที่ช่วยสร้างความร่วมมือ ส่งเสริมความเป็นผู้ประกอบการภายใน (Intrapreneurial spirit) และสร้าง ‘วัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม’ (Innovation culture) ในองค์กร ไม่ว่าจะเป็น
- เทคนิคการสื่อสารและการนำเสนอไอเดียนวัตกรรมแก่คนในทีม
- การสร้างโอกาสในการทำงานร่วมกับคนในทีมและผลักดันให้เกิดไอเดียใหม่ๆ
- เทคนิคการสร้างชิ้นงานต้นแบบอย่างรวดเร็ว (Rapid Prototyping)
- ตัวอย่างแนวคิดและหลักปฏิบัติจากผู้สร้างนวัตกรรมระดับโลก
Roles of innovation leader — บทบาทสำคัญของผู้นำด้านนวัตกรรม ที่จะช่วยส่งเสริมบุคลากรและทีมงานในด้านทักษะนวัตกรรมต่างๆ เช่น
- การสร้างสรรค์กระบวนการทำงานใหม่ๆ เพื่อก่อให้เกิดไอเดียในการสร้างนวัตกรรม
- การทำงานร่วมกับฝ่ายต่างๆ (Cross-disciplinary)
- การให้ feedback ที่เป็นกลาง อีกทั้งถามคิดถามปลายเปิดที่จะผลักดันให้เกิดนวัตกรรม
- การมีไอเดียเป็นของตัวเองและสนับสนุนไอเดียของผู้อื่น
- การสอบถามความเป็นไปของทีมอยู่เสมอ
- เปิดโอกาสให้มีการทดลองและสนับสนุนการทำ Lean prototyping
“ CO-STAR ™ ” approach for value creation — แนวคิดและเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาไอเดีย โดยช่วยสร้างและนำเสนอคุณค่าของผลิตภัณฑ์และบริการ มีดังนี้
- Customer – ตั้งกลุ่มลูกค้า/ผู้ใช้งาน และปัญหาที่พวกเขามี นวัตกรรมสามารถช่วยพวกเขาแก้ปัญหาได้อย่างไร
- Opportunity – โอกาสและศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรม
- Solution – วิธีที่จะช่วยลูกค้า/ ผู้ใช้งานในการแก้ปัญหาหรือนำไปสู่ความต้องการ
- Team – หน้าที่ที่ต้องมีในทีม ซึ่งอาจยืดหยุ่นไปตามการพัฒนาของนวัตกรรม
- Advantage – ข้อได้เปรียบที่องค์กรคุณมีเมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรอื่น
- Results – นวัตกรรมสุดท้ายที่ได้
Coach and feedback — เทคนิคการโค้ชและให้ feedback กับไอเดีย/โปรเจ็คอย่างมีคุณภาพ มีดังนี้
- การให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่ผู้สร้างนวัตกรรม ถามคำถามปลายเปิดที่จะช่วยผลักดันให้พวกเขาคิดหาวิธีแก้ปัญหาอีกทั้งความท้าทายของธุรกิจที่ต้องเจอ
- มีการติดตามและสอบถามความคืบหน้าในแต่ละขั้นตอนของโครงการ
- ความสามารถในการระบุในสิ่งที่ทำ ได้ผลหรือไม่ได้ผล ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
- การยอมรับว่าความล้มเหลวเป็นบทเรียนที่สำคัญที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ทำให้กล้าที่จะลงมือเสี่ยง อีกทั้งยังช่วยผลักดันให้เกิดนวัตกรรม
ความแตกต่างระหว่างผู้นำ (Leaders) และผู้จัดการ (Managers)
แน่นอนว่าองค์กรจะเติบโตหรือเกิดนวัตกรรมไม่ได้เลยหากปราศจากผู้นำ ความแตกต่างระหว่างผู้นำ (Leaders) และผู้จัดการ (Managers) คือผู้นำนวัตกรรมมีคุณสมบัติของการมีวิสัยทัศน์ เปิดกว้าง รับฟังไอเดียใหม่ๆ และนำคนในทีมไปสู่เป้าหมาย ส่วนผู้จัดการจะเน้นไปที่เรื่องการจัดการและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในการสร้างองค์กรนวัตกรรมเป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรจะมีบุคลากรที่มีคุณสมบัติของการเป็นทั้งผู้นำและผู้จัดการ และสามารถรักษาสมดุลของทักษะทั้งสองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยหลังจากที่ Workshop จบลง Techsauce เราได้มีโอกาสนั่งพูดคุยและสัมภาษณ์ Laszlo เพิ่มเติมและมีประเด็นที่น่าสนใจเป็นประโยชน์กับหลายองค์กรเป็นอย่างมาก มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
คุณสมบัติสำคัญของผู้นำที่จะช่วยส่งเสริมคนในทีมให้เตรียมพร้อมสู่การพัฒนานวัตกรรมในองค์กร
Laszlo ได้สรุปคุณสมบัติหลัก 3 คุณสมบัติไว้ได้แก่
- สามารถรักษาสมดุลทั้งธุรกิจหลักให้สามารถทำกำไร ในขณะเดียวกันก็ทำการปรับและรับมือกับธุรกิจที่ในอนาคตอาจจะเปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่อย่างสิ้นเชิง
- มีความเป็นทั้ง Leaders และ Managers มีวิสัยทัศน์สามารถคาดการณ์ความเป็นไปในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้ มีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจน สามารถโน้มน้าวให้คนในทีมมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน และรู้จักบริการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ การสร้างกิจกรรมและผลักดันให้คนในองค์กรเป็นคนมีความคิดเป็นระบบ อีกทั้งมีความคิดสร้างสรรค์เพื่อพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาธุรกิจหลักหรือสร้างธุรกิจใหม่ในอนาคตได้
สาเหตุหลักที่ทำให้ Corporate Innovation ล้มเหลว และสิ่งที่องค์กรต้องเตรียมรับมือ
จากประสบการณ์ที่ Laszlo ได้ทำงานร่วมกับหลายองค์กรมา สิ่งที่ผมเห็นบ่อยสุดมีด้วยกัน 4 ประเด็น
- การไม่ให้ความสำคัญอีกทั้งละเลยต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Laszlo ได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจ จากการสอบถามพนักงานในองค์กรหนึ่งในเรื่องที่ว่า อะไรคือสิ่งที่พวกเขาคิดว่ามีผลต่อการทำให้องค์กรโดน disrupt มากที่สุด กว่า 70 เปอร์เซ็นตอบว่า ‘สตาร์ทอัพ’ แต่เป็นที่น่าแปลกใจเพราะมีเพียงแค่ 7 เปอร์เซ็นเท่านั้นที่ได้ให้ความสำคัญในการติดตามความเป็นไปของสตาร์ทอัพในอุตสาหกรรมของตน แม้รู้ว่าจะมีผลต่อความอยู่รอดของพวกเขาในอนาคตก็ตาม
- การลงทุนในนวัตกรรมไม่เพียงพอ ทั้งในเรื่องของงบประมาณ การขาดทรัพยากรมนุษย์ การไม่มีวัฒนธรรมองค์กรที่จะทำให้เกิดโมเมนตัมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ แทนที่จะให้ความสำคัญและใส่ใจกับโปรเจคเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง พวกเขากลับปฏิบัติกับมันราวกับว่าเป็นเพียงของเล่นชั่วคราว
การไม่เปิดรับและกำจัดไอเดียใหม่ๆ ก่อนจะมีโอกาสได้เติบโต หลายองค์กรต้องตระหนักว่า กว่าที่พวกเขาจะมาถึงจุดนี้ต้องเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ก่อนเช่นกัน - พนักงานไม่มีเวลาในการทำโปรเจคที่จะเป็นการสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เราอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ไอเดียนั้นน่าสนใจ ไอเดียนั้นก็น่าทำ แต่ไม่มีเวลาเลย” ด้วยงานที่รัดตัวในแต่ละวัน ทำให้พนักงานแทบจะไม่มีเวลาในการค้นหาไอเดียใหม่ๆ ดังนั้นไม่ว่าจะก่อร่างโปรเจค จะพรีเซนต์ หรือจะไปทำการ pitch ที่ไหนนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นผู้นำต้องให้พื้นที่และเปิดโอกาสให้พนักงานได้สร้างสรรค์ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ
ตัวอย่างบริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่อำนวยต่อการเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ
การมาทำงานเพื่อให้เสร็จในแต่ละวันนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนทราบดี ในปัจจุบันคนเริ่มหันมาให้ความสำคัญต่องานที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งงานที่สามารถสร้างคุณค่าต่อตัวเองและต่อสังคมมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว Laszlo ได้ยกตัวอย่าง โมเดลการทำงาน 70/20/10 ของ Google ที่แบ่ง 70% ออกเป็นทำงานที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัท 20% ทำโปรเจคที่ต่อยอดจากธุรกิจหลัก ส่วนอีก 10% พนักงานสามารถสร้างโปรเจคที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน ที่เปิดโอกาสให้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อาจเป็นงานอดิเรกหรือโปรเจคส่วนตัว
แนวทางการทำงานและสร้างความร่วมมือระหว่าง Corporate และ Startup เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
Startup เป็นแหล่งรวมของไอเดีย นวัตกรรม และกลุ่มคนที่มีความสามารถ โดย Laszlo ได้แนะนำแนวทางที่ Corporate สามารถเรียนรู้และทำงานร่วมกับ Startup เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้งสองฝ่ายได้ดังนี้
- เข้าร่วมโครงการ Accelerator และ Incubator เช่น Plug and Play ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพแอคเซอเลอเรเตอร์และ Corporate Innovation Platform ระดับโลกที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในซิลิคอนวัลเลย์ สหรัฐอเมริกา
- สร้างสภาพแวดล้อมและพื้นที่สร้างสรรค์ในองค์กร ที่เปิดให้พนักงานได้แลกคุย พบปะ และออกไอเดียใหม่ๆ
- ตั้ง Venture Fund โดยการลงทุนในสตาร์ทอัพในอุตสาหกรรมเดียวกัน
สร้าง Startup เพื่อเป็นโมเดลกรณีศึกษาการทำธุรกิจให้คนองค์กร
คำแนะนำสำหรับองค์กรไทย
Think Big. Start Small. Learn Fast. Create Value
ตั้งเป้าหมายใหญ่ เริ่มจากจุดเล็กๆ เรียนรู้ให้เร็ว และสร้างคุณค่า
Laszlo ได้ทิ้งท้ายสำหรับองค์กรไทย โดยเน้นย้ำเรื่องการตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ แม้สุดท้ายจะไม่ไปถึงเป้าหมายแต่อย่างน้อยก็ได้เขยิบเข้าใกล้มันอีกก้าว การเตรียมพร้อมรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การเรียนรู้จากความล้มเหลวและความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญคือการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นในสังคม
ที่มา : https://techsauce.co